เมืองอุทัยปุระ เมืองแห่งสายน้ำ ประเทศอินเดีย สถานที่ท่องเที่ยวสุดโรแมนติก
สำหรับใครที่ชอบ การท่องเที่ยวไปกับสถานที่มีสายน้ำแบบ เมืองแห่งสายน้ำ วันนี้เราจะพาคุณไปดูสถานที่สุดโรแมนติกระดับโลก สายชอบเที่ยวน้ำต้องได้ใจแน่ ๆ ตาม มาเริ่มกันที่เมืองแรก ซึ่งนั่นก็คือ เมืองอุทัยปุระ (Udaipur) ของประเทศอินเดีย
อุทัยปุระ (Udaipur) ตั้งอยู่ทางใต้ของรัฐราชสถาน (Rajastan) ประเทศอินเดีย เป็นเมืองที่สำคัญ และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวในรัฐราชสถาน(Rajastan) เช่น เมืองชัยปุระ (Jaipur) หรือเราเรียกกันว่าเมืองสีชมพู , เมืองจอร์จปูร์ (Jodhpur) หรือเมืองสีฟ้า และเมืองอุทัยปุระ(Udaipur) นี่เอง ซึ่งระยะทางจากชัยปุระไปอุทัยปุระ ประมาณ 400 กิโลเมตร
อุทัยปุระ เป็นจุดหมายปลาย ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เมื่อมาเยือนอินเดีย ที่นี่เต็มไปด้วยเรื่องราวของประวัติศาสตร์อันยาวนาน ที่ผ่านกาลเวลา วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรม มีสถานที่ท่องเที่ยว สถาปัตยกรรมสวยงาม น่าจดจำ และเป็นเมืองที่ถูกรายล้อมไปด้วยทะเลสาบ ได้รับสมญานามว่า “เมืองแห่งทะเลสาบ”
เป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดในอินเดีย ความโรแมนติกนี้ไม่ใช่โด่งดังแค่ในอินเดีย แต่เป็นหนึ่งในนครแห่งสายน้ำที่โรแมนติกระดับโลก แต่จะโรแมนติกขนาดไหน โรแมนติกแบบอินเดีย ๆ เป็นอย่างไร ทำไมถึงกับมีคนบอกว่านี่คือเวนิสในแบบอินเดียชัด ๆ
สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองอุทัยปุระ คือ พระราชวัง City Palace Udaipur ตั้งอยู่บนสันเขาทางตะวันออกของทะเลสาบ Pichola ทะเลสาบขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอุทัยปุระ ขนาบข้างด้วยเทือกเขาอาราวัลลี (Aravali)
เป็นพระราชวังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในราชาสถาน สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1559 โดยมหาราณา อุเดย์ ซิงห์(Maharana Uday Singh) ในอดีตเป็นที่พำนักของผู้ปกครองเมือง ต่อมาได้มีการบูรณะ และตกแต่งเพิ่มเติมโดยผู้สืบทอด
สถาปัตยกรรม จะเห็นว่ามีการผสมผสานกันอย่างลงตัวของสถาปัตยกรรมยุคกลาง ยุโรป จีน เปอร์เซีย มีความสวยงามวิจิตรบรรจงด้วยหินแกรนิตและหินอ่อน ประดับประดาด้วยกระจกสี ภาพเขียน ภาพกิจกรรมฝาผนัง ที่นี่เป็นทั้งพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวัตถุโบราณบอกเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมา และมีส่วนที่เป็นโรงแรม พระราชวัง City Palace Udaipur เปิดให้เข้าชมทุกวันจันทร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.30-17.30 น.
ไฮไลท์ที่สำคัญ ของการเที่ยวในเมืองนี้ การล่องเรือในทะเลสาบ Pichola ทะเลสาบที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเมือง ทะเลสาบ Pichola ล้อมรอบด้วยเขาสูง ช่วงเวลาที่นิยมในการล่องเรือคือ ช่วงรุ่งเช้า และช่วงเย็นเพื่อชมพระอาทิตย์ตก แสงจากพระอาทิตย์ที่ทอดลงในทะเลสาบสร้างความโรแมนติก นอกจากความโรแมนติกของธรรมชาติรอบทะเลสาบ นักท่องเที่ยวที่ล่องเรือก็ยังจะได้ชื่นชมกับความงามของ Taj Lake Palace พระราชวังที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเลสาบ
นอกจาก City Palace ที่เป็นสถานที่สำคัญในเมืองอุทัยเปอร์แล้วก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นอีก เช่น Jagdish Temple, Fateh Sagar Lake, Jag Mandir Palace, Saheliyon ki Bari, Bagore ki Haveli
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบท่องเที่ยวแบบ Slow Life เมืองอุทัยปุระ (Udaipur) มีร้านคาเฟ่ให้ชิวได้ทั้งวัน ถึงอินเดียแล้วอย่าพลาดลองสั่งเครื่องดื่มที่เรียกว่า Chai หรือ ชาอินเดีย ที่ผสมกับเครื่องเทศนานาชนิด รสชาติกลมกล่อม หอมละมุน
ด้วยพื้นฐานของธรรมชาติที่นี่ จะเห็นทั้งภูเขา ทะเลสาบ เมื่อนำมาผสมกับสถาปัตยกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้นก็ทำให้เมืองอุทัยปุระ งดงามน่าเที่ยว ทั้งแบบจะไปเที่ยวเดินเล่นชิว ๆ คนเดียว ไปกับครอบครัว ไปกับเพื่อน หรือเป็นจุดหมายปลายทางของคู่แต่งงานใหม่ เป็นสถานที่ฮันนีมูน
และนี่ก็คือจุดหมายปลายทางนครแห่งสายน้ำ ที่เป็นเมืองโรแมนติกระดับโลกที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในอินเดีย
เมืองบรูกส์ ประเทศเบลเยี่ยม เมืองแห่งสายน้ำ โรแมนติกระดับโลก
เมืองบรูกส์ (Bruges หรือ Brugge) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเบลเยี่ยม (Belgium) ในอดีตที่นี่เคยเป็นเมืองท่าสำคัญ มีความเจริญรุ่งเรือง คึกคัก Bruges ได้รับการขนานนามว่าเป็น เวนิชแห่งยุโรปเหนือ (Venice of the North) ซึ่งเมืองนี้อยู่ห่างจากเมือง Brussels เดินทางโดยรถไฟ ประมาณ 1 ชั่วโมง เท่านั้นเอง
ไฮไลท์การท่องเที่ยว คือ การล่องเรือสัมผัสบรรยากาศของคลองที่รายล้อมตัวเมืองนี้ไว้ การเที่ยวแบบล่องเรือจะทำให้เราได้ชมสถาปัตยกรรมยุดกลาง ตึกรามบ้านช่องสวย ๆ เคล้าความเขียวขจีของต้นไม้ที่ปกคลุมสองข้างคลอง ทัศนียภาพที่สวยงาม สะพานสุดโรแมนติก พร้อมฝูงหงส์ที่ออกมาทักทายนักท่องเที่ยวเป็นระยะ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทอดน่องชมเมืองได้อย่างเพลิดเพลิน หรือจะใช้บริการนั่งรถม้าก็ได้
สถานที่สำคัญของเมืองบรูกส์ จุดรวมตัวของนักท่องเที่ยว รวมทั้งจุดรวมของคนท้องถิ่น คือ จัตุรัสกลางเมือง (Markt of Bruges) หรือ The Market Square สิ่งที่โดดเด่นของจัตุรัสกลางเมือง คือ หอระฆัง Belfry of Bruges สัญลักษณ์สำคัญของเมืองเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพ และเราสามารถขึ้นไปชมวิวด้านบนของหอระฆังนี้ได้ด้วย
บริเวณจัตุรัสกลางเมืองนี้ก็ยังเป็นที่ตั้งของ ศาลจังหวัด ธนาคาร บ้านกิลด์(guild houses) ร้านอาหาร ร้านค้า ร้านกาแฟ และตรงนี้ก็ยังมีตลาดนัดประจำสัปดาห์ที่มีทั้งของแห้ง ของสด ผัก ผลไม้ ดอกไม้ เนื้อสัตว์ ชีส ของกินต่าง ๆ และผลผลิตที่ทำด้วยมือ
ใจกลางจัตุรัสมีรูปปั้นของ Jan Breydel และ Pieter de Coninck ทั้งสองเป็นวีรบุรุษที่ต่อสู้กับฝรั่งเศสเมื่อต้นศตวรรษที่ 14 Jan Breydel เป็นหัวหน้าคนขายเนื้อ และ Pieter de Coninck เป็นหัวหน้าช่างทอผ้า
นอกจากนี้ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่าง The Church of Our Lady(Onze-Lieve-Vrouwekerk) โบสถ์คริสต์สไตล์โกธิก ที่มีความเก่าแก่มาก ๆ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ตัวของหอคอยสูง 115.6 เมตร(379 ฟุต) หอคอยที่สูงที่สุดในเมือง เป็นหอคอยอิฐที่สูงเป็นอันดับสามของโลก รองจากโบสถ์เซนต์แมรี (St.Mary’s Church)ในลือเบค(Lübeck) และโบสถ์เซนต์มาร์ติน (St.Martin’s Church) ในลันด์ชัต (Landshut) ของเยอรมนี ด้วยการตกแต่งภายในเป็นสไตล์บาโรก(Baroque Architecture)
ถ้าชอบเที่ยวโบสถ์ เมืองนี้ก็ยังมีโบสถ์อื่นให้เที่ยวอีก เช่น St. James’s Church (Sint-Jacobskerk), St Walburgha’s Church, Basilica of the Holy Blood, St Anne’s Church (Sint-Annakerk), Saint Saviour’s Cathedral (Sint-Salvatorskathedraal )
เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่อง ช็อกโกแลต เพราะช็อกโกแลตของเบลเยี่ยมเขา มีชื่อเสียง ที่เมืองบรูกส์(Bruges) มีร้านจำหน่ายช็อกโกแลตกระจายอยู่ทั่วเมือง ช็อกโกแลตบางร้านก็ออกแบบรูปทรงเป็นรูปต่าง ๆ
บรูกส์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก (UNESCO) หรือองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization) ในปี ค.ศ. 1998
หมู่บ้านกีธูร์น (Giethoorn) ประเทศเนเธอร์แลนด์ หมู่บ้านแห่งสายน้ำที่มีความโรแมนติกระดับโลก
หมู่บ้านกีธูร์น (Giethoorn) ตั้งอยู่ระหว่างเมืองซโวลเลอ (Zwolle) และสตีนวิก (Steenwijk) ประเทศเนเธอร์แลนด์ (Netherlands) อีกหนึ่งสถานที่ในฝันของนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก และได้ถูกขนามนามว่าเป็น ‘เวนิสแห่งฮอลแลนด์’
Giethoorn เป็นหมู่บ้านที่มีความสวยงามราวกับเทพนิยาย เต็มไปด้วยความร่มรื่นของต้นไม้ ดอกไม้สีสด บ้านทรงสวยหลังคามุงจาก พร้อมพื้นที่หน้าบ้านที่จัดแต่งได้อย่างงดงาม บ้านแต่ละหลังทิ้งระยะไม่ห่างตั้งเรียงกันอยู่ตลอดคลอง มีสะพานไม้ยกสูงเพื่อให้เรือลอดผ่าน ชาวบ้านที่นี่ใช้เรือเป็นพาหนะในการสัญจรในหมู่บ้านเท่านั้น
หรือใช้การเดินเท้าข้ามผ่านสะพานไปมา เป็นหมู่บ้านไร้ถนน ที่สวยจนแทบสะกดให้นักท่องเที่ยวลืมกลับบ้านเลยทีเดียว
หมู่บ้านกีธูร์น (Giethoorn) เป็นหมู่บ้านที่มีคนอาศัยอยู่จริง ๆ แต่นักท่องเที่ยว สามารถเดินทางเข้าไปเที่ยวได้ มีเรือนำเที่ยวที่จะพานักท่องเที่ยวล่องไปตามคลองสัมผัสบรรยากาศของบ้านแต่ละหลัง คลองแต่ละเส้น ผ่านสะพานไม้เชื่อมฝั่งคลองที่มีมากกว่า 170 สะพาน
ที่นี่มีร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึก มีจุดให้นักท่องเที่ยวนั่งพักหลังเดินเล่นจนเหนื่อย หมู่บ้านกีธูร์น(Giethoorn) อยู่ห่างจากอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) เมืองหลวงประมาณชั่วโมงกว่า
ติดตามเว็บไซต์น่าสนใจเพิ่มเติม : โหลดเกมส์
อ่านบทความเพิ่มเติม > เที่ยวกาตาร์