เมืองน่าเที่ยวอิตาลี

เมืองน่าเที่ยวอิตาลี สุดยอดเมืองอันซีนนอกกระแสที่น่าเที่ยวในประเทศอิตาลี

เมืองน่าเที่ยวอิตาลี สุดยอดเมืองอันซีนนอกกระแสที่น่าเที่ยวในประเทศอิตาลี

เมืองน่าเที่ยวอิตาลี เป็นประเทศที่เรียกได้ว่า มีสถานที่ท่องเที่ยว ที่จะให้ความรู้สึกแตกต่างกันไปตามแต่ละแคว้น เพราะความกว้างใหญ่ไพศาลของอิตาลี ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม ให้นักท่องเที่ยวไปสำรวจมากมาย บางสถานที่อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จัก หรืออาจเป็นที่รู้จักในวงแคบ แต่หลาย ๆ สถานที่ท่องเที่ยว ล้วนซ่อนสิ่งสวยงาม และความคลาสสิคไว้ในภูมิภาคต่าง ๆ

การเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวอิตาลี ไปกับเมืองอันซีนนอกกระแส จะทำให้เรามีมุมมองกว้างมากขึ้น ยิ่งในปัจจุบันนี้ผู้คนถวิลหาประสบการณ์ใหม่ การได้ไปสัมผัสความสวยงามของสถานที่ ๆ น้อยคนจะได้เห็น นับว่าเป็น จุดท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ และไม่น่าเบื่อ การโพสต์ถ่ายภาพกับแลนมาร์ค ที่ไม่ใช่มุมที่ใครจะได้เห็น

วันนี้เราจึงได้คัดสรร เมืองอันซีนสวยงามของประเทศอิตาลี มาให้ทุกคนเปิดประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างกัน

เมืองน่าเที่ยวอิตาลี ของแคว้นทัสคานี (Tuscany)

เมืองน่าเที่ยวอิตาลี

อาเรสโซ (Arezzo)

คือเมืองของแคว้นทัสคานี (Tuscany) ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ ห่างจากเมืองฟลอเรนซ์ (Florence) ไปประมาณ 80 กิโลเมตร เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา เรียบง่ายแต่น่ารัก นับว่าเป็นอัญมณีที่ซ่อนอยู่ในแคว้นทัสคานี

มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ป้อมปราการโบราณ อนุสาวรีย์ พิพิธภัณฑ์ จัตุรัสสุดคลาสิค “เปียซซ่ากรานเด” (Piazza Grande)

เปียซซ่ากรานเด เป็นจัตุรัสยุคกลางที่โดดเด่นที่สุดของเมือง รายล้อมด้วยโบสถ์เก่าและอาคารเก่าแก่ยุคกลางซึ่งประกอบด้วย ร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, ร้านขายของที่ระลึก นอกจากนี้ยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์อันโด่งดังระดับรางวัลออสการ์เรื่อง “Life is Beautiful” หรือในชื่อไทยก็คือ “ยิ้มไว้โลกนี้ไม่สิ้นหวัง”

เมืองน่าเที่ยวอิตาลี

เป็นภาพยนตร์สัญชาติอิตาเลี่ยน โดยผู้กำกับและนักแสดงชื่อดังชาวทัสคานีนามว่า “โรแบร์โต เบนิญี” (Roberto Benigni) ได้ทำให้เมืองอาเรสโซ เป็นที่รู้จักผ่านภาพยนตร์ดังเรื่องนี้

เรื่องราวของชายหนุ่มชาวยิวที่ย้ายมาอยู่ในเมืองอาเรสโซ (Arezzo) ประเทศอิตาลี ใช้ชีวิตและสร้างครอบครัวมีลูกชายน่ารักวัยสี่ขวบ ได้ผจญกับความโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกส่งไปอยู่ในค่ายกักกันนาซี แม้จะพบกับเรื่องเลวร้ายเพียงใด แต่เขาก็คิดและเชื่ออยู่เสมอว่า ชีวิตเป็นสิ่งสวยงามเสมอ “Life is Beautiful”

 

เมืองน่าเที่ยวอิตาลี

ปิติกลิอาโน (Pitigliano)

ปิติกลิอาโน (Pitigliano) ตั้งอยู่ในแคว้นทัสคานี (Tuscany) เป็นเมืองโบราณในสมัยยุคกลาง ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างแท้จริง เป็นเมืองที่แกะสลักจากหิน Tufaceous หรือ Tuff Stone หินที่เกิดจากเถ้าถ่านภูเขาไฟที่เย็นตัวลงกลายเป็นหินแข็งแต่ก็สามารถแกะสลักได้ พื้นผิวเป็นรูพรุน บ้านเรือนเหล่านี้ตั้งเรียงรายบนสันเขาทูฟา (Tufa Hill)

ตั้งลดหลั่นดูสวยงามตระหง่านโดดเด่นเหนือหุบเขารายล้อมด้วยภูมิทัศน์ที่งดงามตระการตาถือเป็นอัญมณีริมผาแห่งหนึ่งของแคว้นทัสคานี ท่านสามารถเดินสำรวจตรอกซอกซอยเพรียวบางของเมืองเก่า

ถนนซึ่งสร้างตั้งแต่สมัยอดีตจึงเป็นถนนเส้นเล็ก ๆ แคบ ๆ ไม่เหมาะกับรถยนต์สมัยใหม่ เสริมสร้างสีสันของถนนและตรอกซอยด้วยการประดับประดาด้วยดอกไม้สีสันนานาชนิด ชอปปิ้งงานฝีมือของคนท้องถิ่น หรือนั่งชิวๆมองผู้คนเดินเล่นผ่านไปมา รับประทานอาหารท้องถิ่นสไตล์ทัสคานี ปิติกลิอาโน(Pitigliano) เป็นเมืองนอกกระแสที่แสนจะดูดีมีคลาสที่ควรมาเยีอนเหมือนกัน

 

ซาน จิมิญาโน (San Gimignano)

เมืองซาน จิมิญาโน(San Gimignano) หนึ่งในจำนวนเมืองบนยอดเขาหลายแห่งของแคว้นทัสคานี แต่เมืองนี้มีความโดดเด่นแตกต่าง และมีทิวทัศน์อันน่าประทับใจที่สุด เนื่องด้วยมีหอคอยจำนวนมากกระจายไปตามสันเขาทะยานสูง ถนนที่ปูด้วยหินเก่า เมืองรายล้อมด้วยกำแพงสมัยศตวรรษที่ 13

เส้นทางเดินหลังกำแพงเมืองเป็นถนนสายหลัก เข้าสู่ใจกลางเมืองจะพบกับสิ่งที่ได้กล่าวไว้คือ หอคอยขนาดสูงมากมายหลายแห่งไม่ว่าจะเป็นหอระฆัง หอนาฬิกา อันเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและอำนาจของเมืองในสมัยยุคกลางที่สร้างโดยขุนนางท้องถิ่นผู้มั่งคั่งในศตวรรษที่ 12-13

ด้วยความพิเศษนี้ทำให้ เมืองซาน จีมิญาโน (San Gimignano) ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) ในปี ค.ศ.1990 “Via San Giovanni” ถนนสายชอปปิ้งหลักสายหนึ่งของเมืองซาน จิมิญาโน มากมายด้วย ร้านบูติก ร้านอาหาร ชิมอาหารรสเลิศ ไวน์ประจำท้องถิ่น

 

เมืองอันซีนประเทศอิตาลี ในแคว้นอุมเบรีย (Umbria)

สเปลโล (Spello)

เมืองโบราณเล็ก ๆ แสนสวยในจังหวัด เปรูเกีย (Perugia) ภูมิภาคอุมเบรีย (Umbria) ตอนกลางของประเทศอิตาลี ก่อตั้งขึ้นจากชาวอุมเบรีย ลักษณะบ้านเรือนเป็นแบบยุคกลาง นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวจะได้ตื่นตาตื่นใจกับอาคารเก่าแก่ ที่สร้างจากหินปูน สถาปัตยกรรม ผสมผสานสามยุค โรมัน ยุคกลาง และเรเนซองส์

เมืองนี้รายล้อมไปด้วยกำแพงหินโบราณ และประตูหินโรมันสูงตระหง่าน เป็นเมืองที่ประดับตกแต่งด้วยกระถางต้นไม้ กระถางที่มีรูปร่าง ขนาดและสีสันแตกต่างกันไปเติมเต็มกระถางด้วยเหล่าดอกไม้นานาพันธุ์ หลากสีสัน

ในฤดูร้อนดอกไม้จะพบเห็นทั่วไปตามหน้าประตู บนผนัง ขอบหน้าต่าง ระเบียง บันได การเดินเล่นไปตามถนนตรอกซอกซอยเล็ก และคดเคี้ยวเต็มไปด้วยสีสันและกลิ่นหอมของดอกไม้บนถนนที่ปูด้วยหินเก่าสุดคลาสิค

สเปลโล (Spello) ยังมีเทศกาลดอกไม้ที่มีชื่อเสียง “Le Infiorata” ดึงดูดผู้คนจากใกล้ และไกลให้มาร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งดอกไม้ กลิ่นของดอกไม้หลากสีอบอวลไปทั่วบริเวณมีการสร้างสรรเป็นพรมดอกไม้ตามถนนและตรอกซอยแคบ ๆ ของเมืองครอบคลุมไปทั่วอาณาบริเวณจัดงาน สเปลโล (Spello) เป็นเมืองอันซีนอิตาลี ที่เชิญชวนให้ไปพบเห็นด้วยตาตนเองสักครั้งในชีวิต

 

อัสซีซี (Assisi)

เรียกได้ว่าเป็นเมืองบนยอดเขาในยุคกลาง ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ตั้งอยู่จังหวัดเปรูจา แคว้นอุมเบรีย ประเทศอิตาลี เมืองอัสซีซี เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่สมัยโรมัน ถือเป็นสถานที่แสวงบุญ และเป็นบ้านเกิดของนักบุญฟรานซิส (St.Francis) นักบุญอุปถัมภ์บุคคลสำคัญของอิตาลี ที่มีอิทธิพลอย่างมากไม่ว่าจะเป็นด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม

การได้มาเที่ยวเมืองอัสซีซี เมืองโบราณสมัยยุคกลางอันเก่าแก่ นับว่าเหมือนได้มาตามรอยเรื่องราวยุคอดีตสมัยโรมัน ได้เรียนรู้สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับนักบุญคนสำคัญเซ็นต์ฟรานซิส

การได้มาเดินเล่นตามถนนที่ปูด้วยหิน ผ่านอาคารบ้านเรือนทำจากหินไต่ตามเนินเขาของตัวเมืองอัสซีซีงดงามทุกโมงยาม แสงสีเหลืองตัดกับท้องฟ้าในยามเย็น แม้ในยามค่ำคืน มองเห็นมหาวิหารโดดเด่นบนยอดเขา สุกสว่างไสวด้วยแสงไฟ อบอวลด้วยบรรยากาศยุคกลาง ดูน่าเกรงขาม ในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน เมืองอัสซีซี ให้บรรยากาศที่แตกต่างเช่นกัน

สถานที่สำคัญในเมืองอัสซีซีที่ห้ามพลาดชมคือ “มหาวิหารเซนต์ฟรานซิส” (The Basilica of St.Francis) หนึ่งในสถานที่สำคัญทางศาสนาของชาวคริสต์ในอิตาลี มีความสำคัญทั้งด้านศาสนา และประวัติศาสตร์งานศิลปะ นับได้ว่าเป็นอัญมณีสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองอัสซิซี และ “มหาวิหาร ซาน รูฟิโน”(Cathedral of San Rufino) วิหารที่สร้างจากหินดูภายนอกเรียบง่ายแต่โดดเด่นที่ซุ้มประตูที่เต็มไปด้วยประติมากรรมลวดลายวิจิตรบรรจงงดงามเป็นเอกลักษณ์

 

ออร์เวียโต (Orvieto) 

เมืองที่เต็มไปด้วยถนนแคบ ๆ แบ่งออกเป็นสองส่วนคือเมืองเก่าบนยอดเขา และเมืองใหม่ที่อยู่ด้านล่าง มีพระราชวังเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนาน มีพิพิธภัณฑ์น่าสนใจ อาคารสไตล์โกธิกในรูปแบบโบสถ์ดูโอโมประจำเมืองงดงาม ทั้งภายนอกด้านหน้าดูวิจิตรตระการตาประดับด้วยกระเบื้องโมเสคสีทองสวยงามน่าทึ่ง อีกทั้งภายในมีจิตรกรรมฝาผนังโมเสก และงานฝีมือของช่างท้องถิ่นที่มีอายุยาวนานเกือบ 1,000 ปี

เมืองน่าเที่ยวอิตาลี

ภาพบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของเมืองที่งดงาม “Duomo di Orvieto” เป็นสถานที่ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวเมืองออร์เวียโต (Orvieto) สิ่งพิเศษอีกอย่างหนึ่งของเมืองออร์เวียโต คือ ถ้ำใต้ดิน ที่คนสมัยโบราณได้สร้างขึ้น เพื่อใช้ประโยชน์ต่าง ๆ และยังคงมีปรากฎอยู่ ในปัจจุบัน

Ruffino - Orvieto Classico Bianco

ออร์เวียโต ยังมีชื่อเสียงในเรื่องรสชาติของไวน์ขาว ด้วยความอุดมสมบูรณ์ดินที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุ ทำให้ไวน์มีรสชาติดีมีชื่อเสียงแห่งแคว้นอุมเบรีย

 

เปรูเกีย (Perugia) 

เมืองที่ใหญ่ที่สุด เมืองหลวงของแคว้นอุมเบรีย ในสมัยอดีตเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน เมืองโบราณที่มีซุ้มประตูเก่าแก่ในยุคกลาง อาคารสิ่งปลูกสร้างล้ำค่าหลายแห่งที่สามารถพบเห็นได้ในใจกลางเมืองเปรูเกียแห่งนี้ เป็นแหล่งรวมความพิเศษในด้านสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิก ภาพเฟรสโกยุคเรอเนสซองส์ โบสถ์สวยงาม พิพิธภัณฑ์ล้ำค่า

ปัจจุบันเมืองเปรูเกียเป็นเมืองแห่งการศึกษา มีมหาวิทยาลัยหลายแห่งเป็นที่นิยมของนักศึกษาต่างชาติทำให้เมืองนี้มีความคึกคักเป็นอย่างยิ่ง นอกเหนือจากนั้นบรรยากาศชนบทโดยรอบของเมืองเปรูเกียนั้นเต็มไปด้วยทัศนียภาพที่มีความสวยงามอุดมสมบูรณ์ เปรูเกียจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์ และธรรมชาติกันอย่างกลมกลืน

ความหรรษาของเมืองนี้ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เปรูเกีย (Perugia) ยังเป็นเจ้าภาพในการจัดเทศกาลต่าง ๆ เกือบตลอดทั้งปี เช่น งาน Umbria Jazz , Music Fest Perugia เดือนกรกฎาคม , Eurochocolate เดือนตุลาคม นอกจากนั้นยังมีตลาดดอกไม้ ตลาดเครื่องปั้นดินผาทุกสัปดาห์

เมืองอันซีนอิตาลีของแคว้นปุลยา(Puglia)

เมืองน่าเที่ยวอิตาลี

เมืองเลซเซ (Lecce)

เมืองเด่นแห่งแคว้นปุลยา เป็นเมืองเก่าแก่ ผสมผสานของหลายยุคหลายสมัยเข้าด้วยกัน ครั้งหนึ่งในอดีตเมืองเลซเซ เคยอยู่ภายใต้การปกครองของออสเตรีย และสเปน ทำให้ได้รับอิทธิพลศิลปะงดงามแบบบารอคแพรวพราวอยู่ทั่วเมือง เป็นศูนย์กลางของศิลปะ และวัฒนธรรมที่สำคัญ

มากมายไปด้วยอาคารสำคัญๆต่าง อาคารบ้านเรือนทำจากหินทรายแม้กาลเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานหลายศตวรรษยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี จัตุรัส “เปียซซ่า เดล ดูโอโม” (Piazza del Duomo) รายล้อมด้วยอาคารหรูหราสวยงาม

เมืองน่าเที่ยวอิตาลี

เดินเล่นไปตามถนนสายที่เรียงรายไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร คึกคักไปด้วยผู้คนแต่งเติมให้มีชีวิตชีวา ยกเว้นช่วงเที่ยงถึงบ่าย เมืองเลซเซจะค่อนข้างสงบตามธรรมเนียมเซียสต้า (Siesta) กิจการร้านรวงพักงีบ จะกลับมาคึกคักอีกครั้งบ่ายสามบ่ายสี่โมง จัตุรัส “เปียซซ่า ซานโตรอนโซ่” (Piazza Sant’Oronzo) โดดเด่นด้วยโรงละครโรมันโบราณที่ยังคงสภาพดีอยู่จนถึงปัจจุบัน

ติดตามเว็บไซต์น่าสนใจเพิ่มเติม : มังงะแทงบอลโลก

อ่านบทความเพิ่มเติม > เมืองแห่งสายน้ำ