เมืองท่องเที่ยว จุดหมายปลายทาง ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากไปหลังยุคโควิดระบาด
อย่างที่รู้กันว่า เมื่อช่วงปี 2020 – 2021 โลกของเราเกิดเหตุการณ์โรคระบาดของ โควิต-19 ทำให้โลกของเราปั่นปวนมาก การท่องเที่ยวและการเดินทางจะต้องหยุดชะงักลงไป ซึ่งนั่นก็ทำให้วิถีชีวิตของคนเราเปลี่ยนไปด้วย ดังนั้นการเดินทางระหว่างประเทศจึงกลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้น จุดหมายปลายทาง เมืองท่องเที่ยว ที่นักท่องเที่ยวทุกคน นิยมที่จะไปก็ต้องมีนักท่องเที่ยวลดลงอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงพฤติกรรมของผู้คนเอง ก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย
ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หลายประเทศเขาก็ต้องมีการควบคุมการเดินทางของนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศกันอยู่ แต่ทว่าตอนนี้ หลังจากที่เราได้มีการฉีดวัคซีนมากขึ้น สามารถป้องกันโรคได้ระดับที่ดีไม่อันตรายเหมือนก่อน บางประเทศจึงเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกกันแล้ว
มีบริษัทวิจัยการตลาดของประเทศอังกฤษแห่งหนึ่ง Euromonitor ได้มีการทำการสำรวจ รายชื่อของจุดหมายปลายทาง ที่มีความยอดนิยมในทุก ๆ ปี ของนักท่องเที่ยว รวมไปถึงศึกษาพฤติกรรมการท่องเที่ยว ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน โดยพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน จำนวนนักท่องเที่ยว และการจัดการด้านอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ หลาย ๆ ประเทศยังควบคุมการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศอยู่ แต่ในบางประเทศก็มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกันบ้างแล้ว
พบว่าตอนนี้ หลังจากเกิดการระบาด โควิด-19 จุดหมายปลายทางยอดนิยม ของนักท่องเที่ยวก็เปลี่ยนไปอย่างมาก จากในช่วงปี 2019 อันดับต้น ๆ ของเมืองที่ได้รับความนิยมมาก ๆ คือหนีไม่พ้นเมืองที่มาจากประเทศเอเชีย เช่น ฮ่องกง และ กรุงเทพ แต่เมื่อมาถึงการระบาดโควิด-19 และมาถึงช่วงปี 2021 เมืองที่น่าท่องเที่ยวกลับกลายเป็นเมืองในประเทศฝั่งยุโรป ซึ่งกลายเป็นเมืองยอดนิยมอันดับต้นไปเลย
ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันว่ามีเมืองไหนบ้างที่เป็นเมืองยอดนิยมน่าไป หลังยุคโควิด 19
15 อันดับจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของโลก ในปี 2021
1. ปารีส Paris
“ปารีส” เมืองที่เป็นจุดหมายปลายทาง ที่น่าดึงดูดใจที่สุดในโลก ในปี 2021 คือ “Paris” (ปารีส) เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน ทางตอนเหนือของประเทศ หลาย ๆ คนรู้จักกันดีว่าปารีสเป็นนครแห่งแฟชั่น แต่นอกจากแฟชั่นแล้ว ที่นี่ก็ยังดึงดูดใจนักท่องเที่ยวด้วยสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่มีความเก่าแก่ และมีประวัติความเป็นมายาวนาน ความสวยงามของสถาปัตยกรรม รวมไปถึงการเพลิดเพลินกับแหล่งชอปปิ้งต่าง ๆ
ทั้งหมดนั่น ทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ใฝ่ฝันอยากจะมาเยือนปารีสสักครั้ง สำหรับ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ของกรุงปารีสมีหลายแห่ง อาทิ หอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ประตูชัย ถนนชองป์เซลิเซ่ มหาวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส เป็นต้น
2. ดูไบ Dubai
“ดูไบ” เมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถูกเลือกให้เป็นอันดับ 2 ในการจัดอันดับครั้งนี้ ดูไบคือเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกและมีอัตราการเจริญเติบโตของเมืองสูงมาก เพราะเมื่อ 50 กว่าปีก่อน ดูไบเป็นเพียงเมืองชาวประมงเล็กๆ ริมอ่าวเปอร์เซีย และล้อมรอบด้วยทะเลทรายที่เวิ้งว้าง แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นศูนย์กลางในหลายๆ ด้านจากทั่วโลก
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่งเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม 2020 และในปี 2021 ก็มีการจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป ที่ต้อนรับผู้คนจากทั่วโลก และล่าสุดเมื่อต้นปี 2022 ก็เพิ่งเปิดตัวMuseum of the Future พิพิธภัณฑ์สุดล้ำสมัยแห่งใหม่ ที่จะกลายเป็นจุดขายอีกแห่งของดูไบ
3. อัมสเตอร์ดัม Amsterdam
“อัมสเตอร์ดัม” เมืองหลวงของเนเธอแลนด์ เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เมืองที่แสนงดงามและโรแมนติด แต่เดิมเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ริมคลอง แต่ปัจจุบันกลายเป็นศูนย์กลางหลายๆ อย่างของโลก มีหน่วยงานระดับโลก ธุรกิจระดับโลก และบริษัทข้ามชาติหลายๆ แห่งก็มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นี่
การท่องเที่ยวในเมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์แห่งนี้ มีทั้งการเดินเล่น นั่งเรือ หรือการปั่นจักรยานชมรอบ ๆ เมือง ชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่ในโซนเมืองเก่า เดินเล่นเลียบแม่น้ำ หรือพักผ่อนในสวนสาธารณะ และคาเฟ่สวยๆ ที่มีสไตล์
4. มาดริด Madrid
“มาดริด” เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสเปน เป็นเมืองสำคัญในประวัติศาสตร์ยุโรป ทำให้มีสถาปัตยกรรมโบราณ ตึกรามบ้านช่องแบบสมัยเก่า มีพิพิธภัณฑ์ที่มีของสะสมล้ำค่ามากมาย นอกจากนี้ คนที่ชอบศิลปะก็มาเสพงานศิลป์ที่นี่ได้แบบไม่มีเบื่อ ช้อปปิ้งได้สนุกสนาน และที่สำคัญยังเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านฟุตบอลระดับโลก
5. โรม Rome
“โรม” เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นลัตซีโยและประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ แหล่งท่องเที่ยวสวยๆ ในโรมมีมากมาย บริเวณศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ใจกลางเมืองได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และในพื้นที่ของโรม ยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน ดินแดนที่ประทับของพระสันตะปาปาแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
6. เบอร์ลิน Berlin
“เบอร์ลิน” เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเยอรมัน อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางสำคัญทางการเมืองและวัฒนธรรมต่างๆ นครแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องเทศกาล สถาปัตยกรรมที่หลากหลาย ศิลปะร่วมสมัย ศิลปะแนวทดลอง (อาวองการ์ด) ชีวิตกลางคืน และคุณภาพชีวิต
7. นิวยอร์ก New York
“นิวยอร์ก” เมืองใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่เจริญที่สุดในโลก เป็นมหานครเอกของโลก จัดได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน วัฒนธรรม บันเทิงที่สำคัญที่สุดของโลก นิวยอร์กมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในเกาะแมนแฮตตัน นักท่องเที่ยวมักจะแวะตามที่สถานที่เที่ยวที่มีชื่อเสียงได้แก่ ตึกเอมไพร์เสตต ตึกไครสเลอร์ ไทม์สแควร์ เทพีเสรีภาพ วอลล์สตรีต สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ โบสถ์เซนต์แพทริก สะพานบรูคลิน เรือบรรทุกเครื่องบินอินทรีพิด เซ็นทรัลปาร์ค เป็นต้น
8. ลอนดอน London
“ลอนดอน” เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นอังกฤษ และสหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเทมส์ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชือ่เสียงมากในลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้แก่ พระราชวังบักกิงแฮม หอนาฬิกาบิ๊กเบน สะพานลอนดอน ซึ่งเป็นที่คุ้นหูนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเนิ่นนาน
9. มิวนิค Munich
แม้ว่า “มิวนิค” จะไม่ใช่เมืองหลวงของประเทศเยอรมนี แต่ก็นับว่าเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ อีกทั้งยังเป็นเมืองหลวงของแคว้นบาวาเรีย ทางตอนใต้ของเยอรมนี รวมถึงเป็นจุดหมายในการท่องเที่ยวของผู้คนจากทั่วโลก
ตัวเมืองมิวนิคนั้นตั้งอยู่บนแม่น้ำอิซาร์ เหนือเทือกเขาแอลป์ นอกจากทิวทัศน์สวยงาม สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย มีความมังคั่งทางศิลปวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรม มิวนิคก็ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของเบียร์เยอรมัน เห็นได้จากการจัดงาน Oktoberfest เทศกาลเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ที่จะจัดขึ้นในเมืองมิวนิค โดยมีนักดื่มจากทั่วโลกเข้าร่วมงานรื่นเริงนี้
10. บาร์เซโลนา Barcelona
“บาร์เซโลนา” เป็นเมืองหลักของแคว้นกาตาลุญญา และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองทั้งในด้านขนาดและประชากรของประเทศสเปน บาร์เซโลนาเป็นเมืองท่าสำคัญ และเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวยามราตรีที่รื่นเริงสนุกสนาน มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สำคัญมากมาย
11. เวียนนา Vienna
“เวียนนา” เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย ได้รับสมญานามว่าเป็น “นครแห่งเสียงดนตรี” เพราะนักแต่งเพลงคลาสสิกชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น บีโธเฟ่น, โมสาร์ต, โยฮัน สเตราส ก็ล้วนแต่มีบ้านอยู่ที่นี่ ซึ่งนอกจากเสียงดนตรีคลาสสิกที่อวลอายอยู่ในเมืองแห่งนี้แล้ว บรรยากาศตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็ยังทำให้เรารู้สึกได้ถึงความโรแมนติก ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม ดอกไม้ ต้นไม้ หรือแม้แต่ผู้คน
12 .มิลาน Milan
“มิลาน” เป็นเมืองเอกของแคว้นลอมบาร์เดีย ประเทศอิตาลี ถือเป็นนครที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองจากกรุงโรม เมืองมิลานมีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งมิลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่นในลักษณะเดียวกับนิวยอร์ก ปารีสลอนดอน และโรม นอกจากนั้นยังมีภาพวาดเฟรสโก้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และโรงละครโอเปร่าอันลือชื่อ
13. ปราก Prague
“ปราก” เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐเช็ก ที่มีความงดงามของสถาปัตยกรรมหลายยุคสมัย ตั้งแต่โรมาเนสก์ โกธิก เรอเนสซองส์ บาโรค และอาร์ตนูโว โดยเฉพาะย่างเมืองเก่าที่มีแต่อาคารบ้านเรือนในยุคเก่า ความงดงามนี้ทำให้กรุงปรากถูกประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลกด้านวัฒนธรรมในปี ค.ศ.1992
14. Los Angeles
“ลอสแอนเจลิส” เป็นเมืองใหญ่ที่มีประชากรมากที่สุดอันดับ 2 ในสหรัฐอเมริกา และเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง ทางด้าน เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการบันเทิง ลอสแอนเจลิสได้เป็นที่รู้จักในฐานะเป็นที่ตั้งของฮอลลีวูด และปลายทางของถนนสายประวัติศาสตร์ ทางหลวงสหรัฐหมายเลข 66
15. โตเกียว Tokyo
“โตเกียว” เป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่บริเวณภูมิภาคคันโตของญี่ปุ่น คำว่า “โตเกียว” หมายถึง “นครหลวงตะวันออก” ในโตเกียวยังเป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวงของสมเด็จพระจักรพรรดิ แหล่งท่องเที่ยวเด่นๆ ของโตเกียวที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดคือ โตเกียวทาวเวอร์ วัดเซนโซจิ (หรือ วัดอาซากุสะ) ตลาดปลาสึกิจิ ชินจูกุ เป็นต้น
ติดตามเว็บไซต์น่าสนใจเพิ่มเติม : ดูบอล
อ่านบทความเพิ่มเติม > เมืองท่องเที่ยวแปลกใหม่