เที่ยวเบลเยียม เมืองไหนดี สถานที่เที่ยวใน เบลเยียม เดินเที่ยวง่าย ล่องเรือเที่ยวก็ดี

เที่ยวเบลเยียม สถานที่เที่ยวใน เบลเยียม เดินเที่ยวง่าย ล่องเรือเที่ยวก็ดี

เที่ยวเบลเยียม Leuven เลอเฟิน เลอเวิน หรือ ลูแว้ง เมืองหลวงของจังหวัดเฟลมิชบราบันต์ (Flemish Brabant) ของประเทศเบลเยียม แม้ไม่ใช่เมืองแรกที่ใครต้องนึกถึงของการมาเที่ยวเบลเยี่ยม แต่ก็เป็นเมืองหนึ่งที่ต้องห้ามพลาด เพราะความโด่งดังของเมือง Leuven นั้น เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง Kathilieke มหาวิทยาลัยที่ติดอันดับ 1 ใน 100 ของมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดจากทั่วโลก

Leuven ยังเป็นที่ตั้งของ แอนไฮเซอร์-บุช อินเบฟ (Anheuser-Busch InBev) หรือ เอบีอินเบฟ (AB InBev) บริษัทผลิตเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองนี้ก็คือ Groot Begijnhof

Groot Begijnhof กลุ่มของตึกเก่าแก่สร้างจากอิฐสีแดงกว่า 100 หลังประหนึ่งเมืองเล็ก ๆ เมืองนึงในเมืองเลอเวน ในอดีตที่นี่เคยเป็น Beguinages ที่พักอาศัยของ Beguines หรือผู้หญิงโสด ที่ยังไม่ได้แต่งงาน แล้วอุทิศตนให้กับศาสนา มีลักษณะคล้ายแม่ชีในศาสนาคริสต์ แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะพวกเธอไม่ได้รับคำสาบานทางศาสนาอย่างเป็นทางการ

ปัจจุบันเป็นที่พักของอาจารย์ นักศึกษา มหาวิทยาลัย Groot Begijnhof ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก (UNESCO) หรือ องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ เมื่อปี 1998

Town hall หรือ City hall ศาลาว่ากลางเมือง อาคารหลังงาม แลนด์มาร์คสำคัญของเมือง สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1448 – 1469 ตั้งเด่นอยู่ตรงกลางจัตุรัส Grote Markt เป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับการยกย่องว่า วิจิตรบรรจงแห่งหนึ่งของเบลเยี่ยม ภายนอกตกแต่งด้วยรูปปั้นแกะสลักจำนวนมาก พร้อมธงสวยแปลกตา ภายในเป็นที่รวบรวมงานศิลปะ และงานประติมากรรม

โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ (St. Peter’s Church หรือ Sint-Pieterskerk) โบสถ์นิกายโรมันคาธอลิก สถาปัตย์กรรมแบบโกธิก สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 ตั้งอยู่ตรงข้าม Town hall หรือ City hall

หลังจากเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว พอแดดเบาลงก็อย่าลืม เดินทอดน่องดูความคึกคักของร้านอาหาร บาร์ ที่ทอดยาว ตลอดแนวถนน จนได้รับขนานนามว่า เป็นบาร์ที่ยาวที่สุดในโลก

เที่ยวเมือง ดิแนน (Dinant) เที่ยวเบลเยียม

เมืองดิแนนท์ (Dinant) เมืองเล็ก ๆ แต่น่ารัก ที่ใช้เวลาไม่ถึงวัน ก็เที่ยวจนทั่วครบได้ หากไม่เร่งรีบมาก และอยากดื่มด่ำ ชิล ๆ ไปกับบรรยากาศ จะพักค้างแรมที่นี่สักคืน ก็ไม่เลว

ดิแนนท์ ตั้งอยู่ในจังหวัดนามูร์ (Namur) ริมแม่น้ำมิวส์ (Meuse) แม่น้ำสายสำคัญของยุโรปที่ไหลผ่านประเทศเบลเยี่ยม และประเทศเนเธอร์แลนด์ อยู่ห่างทางใต้ของเมืองบรัสเซลส์ (Brussel)

แม้ ดิแนนท์ จะไม่ใช่เมืองในกระแสหลัก แต่ก็มีความโดดเด่นของเมือง ที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนถึงกับต้องปักหมุดมา คือฉากหลังที่เป็นหน้าผาสูง มีแนวป้อมปราการตั้งตระหง่าน ขนาบกันไปกับตึกสวยหลากสี ภาพของสถาปัตยกรรมหลากสีที่เรียงราย และความสวยงามของฉากหลังเมื่อยามสะท้อนลงน้ำ สวยสง่าจับจิต สิ่งที่ต้องทำของการมาเที่ยวเมือง ดิแนนท์ ก็คือ

1. เดินเล่นริมแม่น้ำมิวส์ (Meuse) หรือล่องเรือ เมื่อมาถึงเมืองดิแนนท์ (Dinant) สิ่งที่ต้องทำอย่างยิ่ง คือ การเดินเล่นเรียบริมแม่น้ำมิวส์ แม่น้ำสายสำคัญของยุโรปที่ไหลมาจากฝรั่งเศส ผ่านเบลเยี่ยม ไปเนเธอแลนด์ บรรยากาศริมแม่น้ำมิวส์ และภาพสะท้อนลงมาของแม่น้ำนั้น สร้างบรรยากาศดี ๆ ให้กับผู้คนและนักท่องเที่ยวต่างถิ่น รวมทั้งยังได้เพลิดเพลิน ไปกับร้านรวง ต่าง ๆ ทั้งร้านอาหาร ร้านชายของที่ระลึก กิจกรรมอีกอย่างที่เกี่ยวพันธ์กับแม่น้ำมิวส์ สายนี้ก็คือ การล่องเรือ ดื่มด่ำบรรยากาศริมสองฝั่ง หากเราเดินทางไปช่วงหน้าหนาว เรือจะไม่เปิดให้บริการ เพราะอากาศหนาวเกินไป โดยปกติเรือจะให้บริการในช่วงเดือนเมษาบน – ตุลาคม

2. ชม Notre Dame de Dinant โบสภ์ Collegiate Church of Our Laday เป็นโบสถ์สไตล์โกธิกสมัยศตวรรษที่ 13 สิ่งที่โดดเด่นของโบสถ์นี้คือ หอระฆังลุกแพร์ ด้านหลังของโบสถ์ เป็นหน้าผาที่มีป้อมปราการเป็นฉากหลัง

3. ป้อมปราการ Citadelle de Dinant ป้อมปราการที่ตั้งอยู่บนเนินผา เป็นจุดที่ขึ้นไปชมวิวของเมืองดิแนนท์ ได้อย่างยอดเยี่ยม ด้านใน เป็นนิทรรศการเกี่ยวกับการสู้รบ การขึ้นไปด้านบนสามารถเลือกวิธีการเดินเท้าผ่านบันได 400 กว่าขั้น หรือจะขึ้นกระเช้าก็ตามแต่สะดวก นักท่องเที่ยวบางคนอาจเลือกเดินขึ้น หรือลงด้วยกระเช้า เพื่อจะได้สัมผัสของการเดินทั้งสองแบบ

4. เดินเล่นบนสะพาน Charles-de-Gaulle Bridge สะพานนี้ตั้งตามชื่อของประธานาธิบดีชาร์ลส์ เดอ โกล ของฝรั่งเศส เพื่อระลึกถึงการปรากฎตัวของเขา สะพาน Charles de Gualle Bridge พาดผ่านสองฝั่งของแม่น้ำมิวส์ นับเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองดิแนนท์ จุดเด่นของสะพาน Charles de Gualle Bridge ก็คือบรรดาแซกโซโฟน ขนาดใหญ่ แซกโซโฟนเหล่านี้ทำขึ้นมาเพื่อเป็นเกียรติแก่ อ็องตวน-โฌแซ็ฟ “อาดอลฟ์” ซักซ์ นักออกแบบเครื่องดนตรีชาวเบลเยี่ยม และเป็นผู้คิดค้นเครื่องดนตรีที่มีชื่อว่า