สถานที่ท่องเที่ยวในตุรกี ประเทศแหล่งรวมอารยธรรมอันเก่าแก่ที่น่าไปเที่ยว

สถานที่ท่องเที่ยวในตุรกี สถานที่น่าสนใจของประเทศแหล่งรวมอารยธรรมเก่าแก่

สถานที่ท่องเที่ยวในตุรกี ประเทศตุรกีนั้น เรียกได้ว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เพียงแค่เราขยับตัวมาอีกฝั่งหนึ่ง ก็จะพบกับ สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque) ฮิปโปโดรม (Hippodrome) สนามแข่งม้าโบราณที่มีต้นเสางานแกะสลักอันสวยงาม และไม่ไกลจากกัน ก็ยังได้ชมความแปลกตาของ อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน (Yerebatan Sarnici) ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเก็บน้ำ ไว้ใช้ในพระราชวัง

ที่พลาดไม่ได้ ของการเริ่มต้นการเดินทางในตุรกี ก็คือการล่องเรือ ช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งเป็นช่องแคบขนาดใหญ่ ที่ทำหน้าที่แบ่งฟากระหว่างยุโรป และเอเชีย นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงเรียกตุรกีว่าเป็นดินแดนสองทวีป

สถานที่ท่องเที่ยวอันคุ้นหู ที่หากเดินทางไปตุรกีแล้วต้องห้ามพลาด อีกหลายแห่ง ที่จะนำไปใส่ไว้ใน นอกจากที่ระบุกล่าวมาข้างต้นก็เช่น พระราชวังทอปกาปึ (Tophapi Palace) ,เมืองชานัคคาเล่ (Canakkale) , กรุงทรอย (Troy) ,ม้าไม้เมืองทรอย (Wooden Horse of Troy) ,เมืองเปอร์กามัม (Pergamum) ,อัซเคลปิโอน ,

บ้านพระแม่มารี (House of Virgin Mary) , เมืองโบราณเอฟฟิซุส (City of Ephesus) , เมืองปามุคคาเล่ (Pamukkale) ,คัปปาโดเกีย (Cappadocia) , นครใต้ดินไคมัคลี (Underground City of Derinkuyu or Kaymaki) ,พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ (Goreme Open Air Museum) , พระราชวังโดลมาบาเช่ (Dolmabahce Palace) ,ตลาดแกรนด์บราซ่า ,สไปซ์มาร์เก็ต เป็นต้น

ตุรกี เป็นประเทศที่น่าเที่ยว เพราะตุรกีเป็นประเทศที่มีพื้นที่อยู่ใน 2 ทวีป ทั้งทวีปยุโรป และทวีปเอเชีย นักท่องเที่ยวจะได้เที่ยวแบบผสมผสาน ให้อารมณ์ทั้งเอเชียและยุโรปพร้อมกัน

ฝั่งทวีปเอเชียนั้น เราจะเรียกกันว่า ‘อนาโตเลีย’ (Anatolia) ส่วนพื้นที่ทางฝั่งยุโรปจะเรียกว่า ‘เทรซ’ (Thrace) โดยมีช่องแคบบอสฟอรัส ทะเลมาร์มะรา และช่องแคบดาร์ดาเนล เป็นตัวแบ่ง เมื่อเที่ยวฝั่งเอเชีย ฝั่งนี้ก็จะเต็มไปด้วยอารยธรรมเก่าแก่ ส่วนทางฝั่งยุโรปก็จะเต็มไปด้วยความเจริญทันสมัย

ตุรกีเป็นแหล่งรวมอารยธรรมเก่าแก่ ที่เต็มไปด้วยความทันสมัย ปัจจุบันตุรกี จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกประเทศ ที่นักท่องเที่ยวหลายคนทั่วโลกนิยมไป ส่วนการไปเที่ยวตุรกี ก็ไม่ยาก ไม่ต้องขอวีซ่า แค่หาโปรแกรมทัวร์ตุรกีแบบเหมาะ ๆ โดน ๆ เท่านี้ เราก็เก็บกระเป๋าออกเดินทางไปเที่ยวตุรกีได้แล้ว

เที่ยวตุรกีช่วงไหนดี ทัวร์ยุโรป ทัวร์เอเชีย ทัวร์ตุรกี

ต้องบอกว่า ช่วงนี้กระแสของการไปเที่ยวเริ่มกลับมาคึกคักกันอีกครั้งแล้ว และประเทศตุรกีเองก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่หลายคนอยากไป อาจเพราะด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น เป็นประเทศที่มีส่วนผสมระหว่าง ยุโรป และ เอเชีย นักท่องเที่ยวชาติไหนก็ตัดสินใจไปแบบกระทันหันก็สามารถไปได้ไม่ต้องขอวีซ่า แถมงบในการเดินทางไปก็ไม่จำเป็นต้องพกไปเยอะแยะมาก ก็สามารถช็อปปิ้งได้สะดวกเหมือนกัน เพราะค่าเงินก็ดีงาม ประเทศตุรกียังมีความสวยงามทั้งสถาปัตยกรรม และมีธรรมชาติที่น่าสนใจ

นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่ทำไมทัวร์ตุรกีถึงเป็นที่นิยมและมาแรงมาก หากว่าคุณสนใจเกี่ยวกับประเทศนี้และอยากไปเที่ยวดู สามารถติดตามดูคลิปในยูทูบเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ แล้วจะรู้ว่าประเทศนี้น่าเที่ยวมากจริง ๆ

ทว่าหลายคนก็คงสงสัย เกิดคำถามขึ้นเป็นตาม ๆ กันว่า จะไปเที่ยวตุรกี ควรไปช่วงไหนกันดี บางคนก็ถามว่าไปเที่ยวตุรกี ควรไปเที่ยวเดือนไหน หรือไปฤดูไหนดี เพราะแต่ละฤดู หรือแต่ละเดือน ก็มีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ ทางเรา travel2review จึงจะขอนำทุกท่านไปสัมผัสกับฤดูกาลต่าง ๆ ของการท่องเที่ยวในเมืองตุรกี ของแต่ละช่วงกัน  เที่ยวตุรกีช่วงไหนดี

ตุรกีเป็นประเทศที่ค่อนข้างใหญ่ เพราะเป็นประเทศที่มีอาณาเขตติดกับทั้งทางยุโรป และเอเชีย แต่ละภูมิภาคก็จะมีอากาศ และอุณหภูมิที่หลากหลายและแตกต่างกัน  ซึ่ง ประเทศตุรกีมี 4 ฤดูกาล นั่นก็คือ 1. ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน-พฤษภาคม) 2. ฤดูร้อน (มิถุนายน-กันยายน) 3. ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม-พฤศจิกายน) 4. ฤดูหนาว (ธันวาคม-มีนาคม)

ตุรกีนั้นสามารถไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ละฤดูแต่ละช่วงมีไฮไลท์แตกต่างกันไปรวมถึงจะมีกิจกรรมท่องเที่ยวแตกต่างกันไปด้วยที่สามารถแบ่งออกมาได้ประมาณนี้

ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน-พฤษภาคม) ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่คนไทยชื่นชอบ และนิยมไปมากที่สุดเพราะบรรยากาศดี เดินสบายไม่ร้อนไม่เหนียวตัว แต่ละเมืองตามท้องถนนรวมไปถึงตามพระราชวังจะปลูกทิวลิปเต็มไปหมดสวยงามมาก

ฤดูร้อน (มิถุนายน-กันยายน) ใครได้ไปเที่ยวตุรกีในช่วงฤดูร้อน บอกเลยว่าคุ้มแสนคุ้ม เพราะฤดูร้อนของตุรกีจะเป็นฤดูกาลที่ผลไม้จะทยอยกันผลิดอกออกผล ตามริมทางจะมีการตั้งแผงขายผลไม้สดจากสวน รสชาติสดใหม่หวานฉ่ำถูกใจขาผลไม้ อีกทั้งราคาก็ดีงาม ผลไม้ที่ออกในฤดูร้อนของตุรกีนี้ก็เช่น เชอร์รี่ คุณจะได้กินเชอร์รี่ในราคาที่ถูกจนน่าตกใจ ลูกพีช ลูกพลัม และมะเดื่อ

ส่วนเรื่องของการท่องเที่ยวก็ไม่น้อยหน้า ไม่ต้องกังวลใจว่าอากาศของเขานั้นจะร้อนแค่ไหน เพราะในความเป็นจริงช่วงหน้าร้อนของตุรกีไม่ร้อนอบอ้าวเหมือนไทย ถ้าไม่ได้ยืนตากแดดนาน ๆ แทบจะไม่ได้เหงื่อเลย ท้องฟ้าก็เปิด สายถ่ายรูปทั้งหลายต้องชอบแน่ เพราะว่าว่าฤดูร้อนของตุรกีนั้นแสงสวยมาก เตรียมเมมโมรี่ไปเยอะ รับรองได้รูปสวยกลับมามากมาย ข้อดีอีกอย่างของการไปเที่ยวช่วงนี้ คือกลางวันจะยาวนาน กว่าแสงจะหมดก็โน่น 2-3 ทุ่มเลยทีเดียวทำให้มีเวลาเที่ยวมากขึ้น

ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม-พฤศจิกายน) ฤดูใบไม้ร่วงของตุรกีเป็นฤดูกาลของแอปเปิ้ล เห็นได้จากชากลิ่นแอปเปิ้ลยอดฮิตที่มีวางจำหน่ายอยู่ทั่วประเทศ ท่านใดมาเที่ยวตุรกีในช่วงฤดูใบไม้ร่วงต้องพกเสื้อกันหนาวมาบ้างแม้อากาศจะยังไม่หนาวมากแต่ไม่เตรียมมาเลยอาจจะเป็นหวัดได้ การท่องเที่ยวของฤดูนี้จะคล้าย ๆ กับฤดูใบไม้ผลิแต่อากาศจะเย็นกว่า ใครอยากได้ฟีลเดินจับมือกันเที่ยวท่ามกลางอากาศดี ๆ แนะนำว่าให้มาฤดูนี้ ความสัมพันธ์ของคุณอาจจะกระชับมากขึ้น

ฤดูหนาว (ธันวาคม-มีนาคม) ตุรกีเป็นประเทศที่มีหิมะตกในฤดูหนาว ตามเมืองต่าง ๆ อย่างเมืองคัปปาโดเกียที่คนนิยมไปขึ้นบอลลูนนั้นก็จะมีหิมะปกคลุมซึ่งก็แปลกตาสวยงามไปอีกแบบ และอีกหนึ่งกิจกรรมที่เพิ่งได้รับความนิยมของการมาเที่ยวตุรกีนั่น ก็คือการเล่นสกี ซึ่งที่ตุรกีนั้นก็มีลานสกี และมีรีสอร์ตที่มีลานสกีอยู่หลากหลายให้เลือกใช้บริการ หากใครชื่อชอบการเล่นสกี หรือสโนว์บอร์ดแล้วล่ะก็ ตุรกีนับเป็นทางเลือกใหม่ให้ท่านได้เลือกเดินทางได้เลย และท่ามกลางบรรยากาศหนาว ๆ แบบนี้ จิบเครื่องดื่มอุ่น ๆ เคล้าวัฒนธรรมอย่างกาแฟตุรกีที่มีวิธีการชงที่น่าสนใจ รับรองว่าคุณจะได้ประสบการณ์ที่ดี

สถานที่ท่องเที่ยวในตุรกี ต้องห้ามพลาด เมื่อได้เป็นเยือนประเทศตุรกี

สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของอิสตันบูล ประเทศตุรกี ต้องห้ามพลาดถ้ามาตุรกี สุเหร่าสีน้ำเงินมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสุเหร่าสุลต่านอาห์เมตที่ 1 (Sultan ahmet I) สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1609 – 1616 ว่ากันว่าแรงบันดาลใจของการสร้างสุเหร่าสีน้ำเงินแห่งนี้มาจากความต้องการเอาชนะความอลังการใหญ่โตของวิหารเซนต์โซเฟีย

The Sultan Ahmed Mosque

ที่มาของชื่อสุเหร่าสีน้ำเงิน มาจากกระเบื้องภายใน ที่ตกแต่งด้วยสีน้ำเงินฟ้าจากอิซนิค มีลวดลายเป็นดอกไม้ต่างๆตกแต่งอย่างสวยงามวิจิตรตระการตา เช่น กุหลาบ ทิวลิป คาร์เนชั่น

ด้านในสุเหร่าสีน้ำเงินมีที่ให้สุลต่านและนางในทำละหมาด มีหน้าต่าง 260 บาน สนามด้านหน้าและด้านนอกจะเป็นที่ฝังศพของกษัตริย์และพระราชวงศ์ นอกจากนี้ ยังมีสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ บริการให้กับประชาชนทั่วไป เช่น โรงเรียนสอนศาสนา ห้องสมุด โรงพยาบาล โรงอาบน้ำ ที่พักกองคาราวาน โรงครัว (Kulliye)

สถานที่ท่องเที่ยวในตุรกี

เมื่อเริ่มสร้างองค์สุลต่านรับสั่งให้สร้างหอสวดมนต์เป็นทองคำ แต่การสร้างหอทองคำนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงมาก จึงหาทางออกด้วยการเล่นคำ เพราะคำว่า ทองคำ ในภาษาตุรกี เรียกว่า อัลทึ่น (Altin) หรือ หก (Alti) เขาจึงสร้างหอสวดมนต์ 6 หอ ซึ่งปกติมัสยิดจะมีหอสวดมนต์เพียง 1 หรือ 2 หอ แต่เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ที่นี่มีหอสวดมนต์ 6 หอเท่ากับที่นครเมกะ ซึ่งไม่เป็นการสมควร จึงต้องสร้างเพิ่มขึ้นมาอีก 1 หอ ในปัจจุบันจึงมี 7 หอ นั่นเอง

สุเหร่าจะสร้างให้มีหลังคาที่โค้งเพราะต้องการให้เสียงสวดมนต์ก้องกังวานได้ดี โดยที่ไม่ต้องใช้เครื่องขยายเสียง ผู้สวดจะหันหน้าไปทางทิศที่เมืองเมกกะอยู่ และผู้ที่จะเข้าสวดมนต์ต้องชำระล้าง 6 จุดก่อน คือ ผม หน้า จมูก ปาก มือ และเท้า สุเหร่าสีน้ำเงินอยู่ใกล้ๆกับสุเหร่าเซนต์โซเฟีย โดยหันหน้าเข้าหากัน เรียกว่าประชันความงามกันเลย

สถานที่ท่องเที่ยวในตุรกี

สุเหร่าเซนต์โซเฟีย หรือ วิหารเซนต์โซเฟีย (Mosque of Hagia Sophia) เซนต์โซเฟีย แปลว่า โบสถ์แห่งปัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ คำว่า “Sofia” มาจากคำในภาษากรีกที่แปลว่า “ปัญญา” จึงไม่มีความเกี่ยวข้องกับนักบุญที่ชื่อ Sofia แต่อย่างใด

เซนต์โซเฟียนับเป็นสิ่งก่อสร้างจากฝีมือมนุษย์ ที่มีความสวยงามอลังการตั้งอยู่ในกรุงคอนสแตนติโนเปิล (Constantinople) หรือปัจจุบันคือกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี สุเหร่าแห่งนี้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกลำดับที่ 8 ในยุคกลาง สร้างในสมัยของ จักรพรรดิจัสติเนียน แห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์

สถานที่ท่องเที่ยวในตุรกี

สิ่งก่อสร้างในปัจจุบันนี้ เป็นโบสถ์หลังที่สามที่จักรพรรดิจัสติเนียนได้ตัดสินใจสร้าง ให้ยิ่งใหญ่ และสวยงามกว่าโบสถ์หลังก่อน ๆ โดยเริ่มสร้างในปี 532 แล้วเสร็จในปี 537 และทำซ้ำอีกครั้งในปี 563 หลังการซ่อมแซมยอดโดมที่พังลงมาเพราะเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งเหตุการณ์แผ่นดินไหวทำให้เกิดรอยแตกในโดมหลักที่พังมาทั้งหมด และโดมทางด้านตะวันออก

ติดตามเว็บไซต์น่าสนใจเพิ่มเติม : ดูซีรี่ย์

อ่านบทความเพิ่มเติม > เที่ยวแบบไม่มีรถ